สวัสดีครับ
เผลอแปปเดียวต้นเดือนมีนาคมแล้ว ทำงานทุกวัน รู้ตัวอีกทีเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกัน ดุลเพิ่งได้มีเวลามานั่งทบทวนเหตุการณ์ เพื่อเรียบเรียงคำพูดเขียนบทความอย่างที่อยากจะถ่ายทอดออกมาสักที
เริ่มจากเรื่องแรกที่ผมอยากเขียนถึงมากในปีนี้ คือความประทับใจจากการทำผมคุณแก้ม วิชญาณี เมื่อตอนขึ้นคอนเสิร์ต 4 โพดำ OH MY GOD ในช่วงวันที่ 26-27 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากระหว่างทางมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมาย จนตัวดุลเองก็อยากจะบันทึกเก็บไว้ให้ตัวเองได้อ่านเวลาคิดถึง รวมถึงแชร์เทคนิคการทำผมยาวแบบ Dramatic Style อย่างที่ดุลเองทำให้คุณแก้มเป็นทรงเปิดตัวในคอนเสิร์ตนั้น
เล่าก่อนเลยว่าตัวคอนเสิร์ต 4 โพดำในครั้งนี้กำหนดธีม OH MY GOD มา เพื่อให้คอนเสิร์ตมีสีสัน สนุกสนานและความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ทั้ง 4 ท่าน คุณโดม คุณกันต์ คุณตั้ม และคุณแก้มได้รับบทเป็นเทพต่างกันไปในคาแรคเตอร์ของแต่ละท่าน

คุณแก้มเป็นผู้หญิงเพียงท่านเดียวใน 4 โพดำ ด้วยความงดงามในแบบของเธอ เธอจึงได้รับโจทย์ให้เป็น Goddess of Beauty เทพแห่งความสวยงาม ผมซึ่งในฐานะช่างผมของคุณแก้มจึงได้รับโจทย์นี้ไปทำการบ้านด้วย
ผมนั่งคิดนอนคิดมาหลายคืนว่าจะทำทรงผมอะไรให้คุณแก้มดี เนื่องด้วยว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ถือว่าใหญ่ จัดในระดับ Paragon Hall ผมต้องการให้คุณแก้มมีภาพจำใหม่ๆ บัตร VIP ข้างหน้าสุด และบัตรนั่งสแตนด์ข้างหลังสุดต้องมองเห็นความเปล่งประกายของเธอเท่าๆ กัน
นั่นคือทรงแสกกลางยาวตรงในยุค 70s ถือว่าเป็นไอคอนิคลุคนึงที่ปัจจุบันดารา นักร้อง และเซเลบริตี้ชั้นนำยกมาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอทลุคด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Kim Kadashians บนปกนิตยสาร Bazaar เมื่อไม่นานมานี้ ฝั่งนักร้องอย่าง Nicky Minaj, JLO หรือ Beyonce ก็มักทำผมทรงนี้กันเวลาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ๆ
ซึ่งเราจะรังสรรมันให้คุณแก้มกัน!
ตอนแรกดุลตั้งใจจะใช้วิกผมสำเร็จแบบตรงยาวสวมครอบให้คุณแก้มไปเลย แต่เมื่อลองใช้วิกผมตรงในวันถ่าย VTR คอนเสิร์ต แล้วกลับรู้สึกว่าผมไม่มีชีวิตชีวาเท่าที่ควรจะเป็น สำหรับงานถ่ายภาพนิ่งมันใช้ได้เลยล่ะ ดราม่าติกมาก แต่เวลาคุณแก้มเคลื่อนไหวหรือเต้น เส้นผมและความพริ้วมันยังไม่ออนพอยต์อย่างที่ต้องการ จึงได้กลับมาทำการบ้านในคืนนั้นอีกครั้ง เข้ากรุเก็บฟาร์มผมและวิก หยิบแฮร์พีซผมดำตรงและยาวที่สุดเท่าที่จะมีติดมือมาด้วย

วันที่ 25 วันซ้อมใหญ่ แต่งหน้าทำผมสวมชุดและรันคิวทุกอย่างเสมือนวันจริง เพียงแค่ปราศจากคนดูเท่านั้น ดุลตัดสินใจลองใช้ผมแฮร์พีซผมตรงยาวที่สุดเท่าที่สะสมไว้ เตรียมมาเสริมผมให้คุณแก้มในวันนั้น เพื่อดูว่าผมจะดูเป็นธรรมชาติกว่าวิกไหม เมื่อขยับตัวและเต้น ความพริ้วไหวของผมแบบไหนตอบโจทย์งานมากกว่ากัน

ท้ายที่สุดดุลได้ข้อสรุปว่า เสริมแฮร์พีซกับผมจริงของคุณแก้ม ซึ่งเป็นผมยาวตรงโดยธรรมชาติอยูแล้วนั้นเหมาะกับการเคลื่อนไหวบนเวทีคอนเสิร์ตมากกว่า
หลังจากคอนเสิร์ตรอบซ้อมเสร็จ ดุลและผู้ช่วยนั่งแปรงผมและเตรียมผมสำหรับวันจริงในวันพรุ่งนี้ เพื่อเมคชัวร์ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี รวมทั้งรีวิวสถานการณ์และช่วงเวลาเปลี่ยนทรงผมอื่นๆ อีกนิดหน่อย ให้เวลาการทำงานวันจริงลงล็อคมากขึ้น เนื่องด้วยเวลาเปลี่ยนผม ทัชอัพหน้า และเปลี่ยนชุดเป็นช่วงเวลาที่มีจำกัดมากหลังเวที เพียงแค่ช่วงสั้นๆ ระหว่างอินโทรเพลงเท่านั้น ผิดคิวหรือช้าไม่ได้เลย ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
วันที่ 26 มกรา คอนเสิร์ต 4 โพดำ OH MY GOD วันแรก ดุลรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ว่าจะผ่านการทำงานคอนเสิร์ตเดี่ยวคุณแก้ม GAM CONCERT MY FIRST TIME มาแล้วก็ตาม เมื่อคุณแก้มขึ้นรันทูในส่วนเพลงร้องเดี่ยวเสร็จ เวลาแต่งหน้าทำผมก็ได้เริ่มขึ้น

พี่เอ ทิวากร เพิ่มการแต่งหน้า ส่วนดุลเริ่มแปรงผมคุณแก้ม ด้วยหวีแปรง AVEDA เป็นหนึ่งในคอนเลคชั่นหวีสุดโปรดของดุลเอง แปรงผมไปก็ใช้หวีนวดหัวไปด้วย เพื่อให้หนังศรีษะผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของเส้นผม

จากนั้นต่อด้วยการนวดเส้นผมด้วย Balmain Pre Styling Cream ก่อนที่จะทำการไดร์ผมทีละชั้น เพื่อช่วยให้เส้นผมที่ไดร์ออกมาเรียบลื่นเงาสลวย ดูมีน้ำหนัก และไม่ชี้ฟู ตรงนี้สำคัญมาก การที่จะปล่อยผมไดร์ตรงแสกกลางให้สวย ผมต้องไม่ดูแห้งชี้ฟู แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ดูฟีบลีบแบนติดหนังหัวเกินไป

เมื่อไดร์ผมตรงเสร็จดุลแบ่งชั้นผมแล้วใช้ที่หนีบผมตรงด้วยเครื่องหนีบตรงไฟฟ้า หนีบตั้งแต่โคนจรดปลายทีละชั้นย้ำอีกที เสร็จแล้วฉีดสเปรย์น้ำมัน CHI Shine Infusion ขวดสีแดงทับเนื้อผมชั้นด้านบนสุดแล้วหนีบซ้ำอีกนิดหน่อย เพื่อเพิ่มความเงาสลวยให้ผมมากขึ้น
ดุลยีโคนผมเพิ่มวอลลุ่มให้โคนพองขึ้นเล็กน้อยจากหนังศรีษะของคุณแก้ม เพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับรูปหัวและใบหน้าให้รับกัน จากนั้นแปรงผมให้สวยตรงอีกหน่อยเป็นอันเสร็จ

ดุลสังเกตตัวเองว่าครั้งนี้ใช้โปรดักซ์ผมน้อยมากจริงๆ แทบจะไม่ใช่สเปรย์เซ็ตผมแข็งหรือแว็กซ์ เนื่องจากต้องการให้ผมเรียบลื่นและพริ้วไหวที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะเป็นได้ การใส่โปรดักซ์ที่มากเกินความจำเป็น จะทำให้ผมเหนียวและหนัก ขาดความพริ้วไหว อันเป็นหัวใจสำคัญของการทำผมไดร์ตรงแสกกลางในครั้งนี้
คอนเสิร์ตครั้งนั้น ดุลวางทรงผมไว้ในไลน์เพียง 4 ทรง ซึ่งไดร์ตรงแสกกลาง Dramatic Extremely Long Straight Hair เป็นทรงหลักเปิดตัวในคอนเสิร์ตและขึ้นร้องเพลง Born This Way ของ Lady Gaga ที่คุณแก้มต้องทั้งร้องทั้งเต้นในเวลาเดียวกันทั้งเพลง ซึ่งต้องเต้นสะบัดผมเยอะมาก ผมเลยต้องพริ้วสุดๆ ส่วนอีก 2 ทรงนั้นสามารถทำต่อเนื่องจากผมตรงแสกกลางทรงแรกได้เลย อย่างแสกกลางรวบต่ำในช่วงเพลงที่คุณแก้มร้องเดี่ยว และรวบแบบน่ารักๆ ในช่วงแสดงละครเวที
มาถึงช่วงอีกช่วงหนึ่งที่ดุลประทับใจมากๆ มากถึงมากที่สุดๆ ประทับและปลาบปลื้มใจเป็นการส่วนตัวด้วย คือช่วงที่คุณแก้มต้องแสดงละคร ในละครมีฉากประกวดนางงามของหมู่บ้าน แล้วเราต้องสวมวิกผมคลื่นมหาสมุทรฉบับนางงามเดินสายให้คุณแก้มซึ่งวิกนี้เตรียมวิกสำเร็จไว้แล้ว ดุลยืมมาจากเพื่อนช่างผมท่านหนึ่งที่เป็นแฟนคลับคุณแก้มด้วยเช่นกัน
ในฉากคุณแก้มกับคุณตั้มที่ตอนนั้นแต่งตัวเป็นผู้หญิงตอบคำถามแย่งชิงตำแหน่งกัน ผลปรากฎว่าคุณตั้มชนะ ได้รับตำแหน่งนางงามประจำหมู่บ้านไป แต่ว่าคุณแก้มกลับได้รางวัลปลอบใจ ซึ่งก็คือมงกุฎที่ยิ่งใหญ่และสวยงามกว่า
จังหวะตรงนั้นทีมงานให้ดุลช่วยขึ้นไปมอบมงกุฎให้คุณแก้มบนเวที เพียงเพราะดุลสามารถติดกิ้บล็อกมงกุฎได้ด้วย หน้าที่นี้จึงตกมาเป็นของเราโดยปริยาย วันแรกทุกอย่างยังดำเนินไปตามสคริปปกติ ละครก็สนุกสนานขำขันกันไป แต่วันที่สองของคอนเสิร์ตนั้น ดุลประสานกับทีมงานว่าจะทำเซอร์ไพร์สเล็กๆ ให้คุณแก้ม ด้วยการสลับมงกุฎที่ทีมงานเตรียมไว้ เป็นมงกุฎ Mikimoto แบบจำลองจากต้นแบบของ Miss Universe ขึ้นไปสวมให้คุณแก้มบนเวที พร้อมทั้งสายสะพาย Miss Universe ด้วย
ดุลตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะเชื่อว่าจะต้องทำให้คุณแก้มมีความสุขมากๆ ด้วยโมเม้นต์ของเวทีที่มันสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เนื่องด้วยเราร่วมงานกันมาหลายครั้ง คุณแก้มขอให้เอามงกุฏมาให้ใส่ถ่ายรูปเล่นบ้าง ดุลไม่เคยเอามาให้สวมเลยซักครั้ง วันนี้ถือว่าได้ทำให้อีกหนึ่งฝันของแก้มนั้นเป็นจริง สัมผัสได้ถึงพลังความสุขมากเลยครับ
ท้ายที่สุดงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา คอนเสิร์ตจบลงไปด้วยดี ครบรสทั้งความสนุก ความสุข เสียงหัวเราะ เคล้าน้ำตาด้วยความซาบซึ้งที่ศิลปินมีต่อแฟนคลับ ในฐานะของผู้อยู่เบื้องหลัง ทีมงานทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยและทำงานหนักเพื่อให้งานออกมาดีทั้งนั้น ผลที่ตอบรับกลับมาก็น่ายินดีไม่น้อย มากว่าความเหนื่อยคือได้เห็นทุกคนทุ่มเท มากกว่าศิลปินกับแฟนคลับ คือเราได้เห็นครอบครัว และการสนับสนับสนุนที่ดีจากทุกฝ่าย
ผมรูสึกอยากขอบคุณกับตัวเองเบาๆ กับประสบการณ์การทำงานในครั้งนี้ ไม่ว่าโอกาสดีๆ จะเข้ามาอีกเมื่อไร ตอนนั้นจะเหนื่อยหรือกดดันแค่ไหน แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ทำให้เห็นว่าสุดท้ายเราก็ทำได้ สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้นี่นา
ผมบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ถ้าวันใดวันนึงที่ผมคิดถึง ผมจะได้กลับมาหาแรงบันดาลใจจากมันอีก
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตัวอักษรนี้ และขอบคุณภาพประกอบจากแฟนคลับคุณแก้มกับช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้ด้วยนะครับ
